WFX ปิดเทรดเหนือจอง 1.25 บาท

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

เวิลด์เฟล็กซ์ ปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 1.25 บาท หรือ 17.36% มูลค่าซื้อขาย 2,731.14 ล้านบาท ผู้บริหารปลื้มนักลงทุนตอบรับดี ที่ปรึกษาทางการเงินเชื่อ WFX จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ลงทุนในอนาคต เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตสูง

หุ้น WFX หรือบริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 9.35 บาท เพิ่มขึ้น 2.15 บาท หรือ 29.86% จากราคาจองซื้อไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 7.20 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 9.70 บาท ต่ำสุดที่ 8.40 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 8.45 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 17.36% มูลค่าซื้อขาย 2,731.14 ล้านบาท

นายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WFX เผยว่า ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นสูงและมีมูลค่าการซื้อขายคึกคักอย่างมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ในโลก รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ตามแนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอของโลกที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้การต้อนรับ WFX อย่างอบอุ่น ทีมงานและผู้บริหารของบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน โดยเตรียมนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด ”

โดย WFX เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 9-17 ธันวาคม 2564 ในราคาหุ้นละ 7.20 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 1,022.40 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ (IPO) ที่ 3,342.24 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด 350 ล้านบาท ภายในปีหน้า ชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน 400 ล้านบาท ภายในปี 2564 และเป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ของ WFX กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกของ WFX ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้ชัดจากสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.12 เท่า และหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะลดลงเหลือ 0.35 เท่า

“เชื่อว่า WFX จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ลงทุนในอนาคต เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตสูง มีคุณสมบัติเป็นหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock ที่มีอัตราการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ จากความสามารถทำกำไรที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด”

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket